สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2532

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2532

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 91, 22 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ม. 3

การออกเช็คเป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินและวันที่ที่ปรากฏในเช็คซึ่งผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ดังนั้น การที่จำเลยออกเช็คหลายฉบับลงวันที่สั่งจ่ายคนละวันกันและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน

การที่ศาลจะสั่งให้หักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาออกจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 วรรคแรก แม้โจทก์ไม่มีคำขอศาลก็วินิจฉัยได้.

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้ลงโทษเรียงกระทงรวม 8 กระทง รวมเป็นโทษจำคุกทั้งสิ้น 1 ปี 6 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาจึงลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 9 เดือน และไม่หักวันคุมขังในคดีนี้ให้แก่จำเลย

จำเลยอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียง 4 กระทงขอให้ลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า 'คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า การที่จำเลยออกเช็ค 8 ฉบับ ลงวันที่สั่งจ่ายคนละวันกัน ผู้เสียหายนำเช็คทั้งแปดฉบับไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินไม่ได้ เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2529 ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับที่ 3 ถึงฉบับที่ 5 เมื่อวันที่ 27มกราคม 2530 ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับที่ 6 และฉบับที่ 7เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2530 และปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับที่ 8 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2530 ตามฟ้องนั้น จะถือว่าเป็นการกระทำความผิด 4 กรรม หรือ 8 กรรม เห็นว่าการออกเช็คเป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามจำนวนเงินและวันที่ที่ปรากฏในเช็ค ซึ่งผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ ดังนั้น การที่จำเลยออกเช็คหลายฉบับลงวันที่สั่งจ่ายคนละวันกันและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คบางฉบับในวันเดียวกันดังฟ้อง จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลต้องลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลมีคำสั่งไม่ให้หักวันคุมขังในคดีนี้ให้จำเลย เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 22 นั้น เห็นว่า การที่ศาลจะสั่งให้หักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาออกจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาหรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22วรรคแรก แม้โจทก์ไม่มีคำขอขึ้นมา ศาลก็วินิจฉัยให้ได้ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองไม่หักวันคุมขังในคดีนี้ให้จำเลยจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นกัน'

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ กรมอัยการ จำเลย - นาง จรีนุช แวว ประเสริฐ

ชื่อองค์คณะ พัลลภ พิสิษฐ์สังฆการ ถวิล ทองสว่างรัตน์ ชูศักดิ์ บัณฑิตกุล

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE