สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2522

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 2 (7)

คำแจ้งความคดีออกเช็คไม่มีเงินจ่ายว่า 'จึงได้มา แจ้งไว้เป็นหลักฐาน' ไม่เป็นเจตนาให้สอบสวนดำเนินคดีแก่ผู้ต้องหาไม่เป็นร้องทุกข์ตามกฎหมาย

เนื้อหาฉบับเต็ม

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก 45 วัน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "โดยที่โจทก์ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในเรื่องคำแจ้งความของโจทก์ว่ามิใช่คำร้องทุกข์ เป็นการคลาดเคลื่อนต่อข้อกฎหมาย โจทก์เห็นว่าคำแจ้งความของโจทก์เป็นคำร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีแก่จำเลยแล้ว ดังนั้นในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกามาศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาก็คือสำเนารายงานประจำวันธุรการของพนักงานสอบสวนสถานี ตำรวจภูธรอำเภอเมืองราชบุรี เอกสารหมาย จ.3 เอกสารดังกล่าวมีใจความว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2519 โจทก์ได้มาสถานีตำรวจแจ้งว่าจำเลยยืมเงินจากโจทก์ 20,000 บาทโดยจ่ายเช็คของธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาราชบุรี เลขที่ 482725 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2519 ครั้นเช็คถึงกำหนด โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชี แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายโดยให้เหตุผลในใบคืนเช็คว่าโปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย โจทก์ติดต่อกับจำเลยหลายครั้งแต่จำเลยไม่ยอมติดต่อกับโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงได้นำความมาแจ้งไว้เป็นหลักฐาน

ปัญหาว่าคำแจ้งความของโจทก์ต่อพนักงานสอบสวนเป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมายหรือไม่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7)วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "คำร้องทุกข์" ไว้ว่า หมายความถึงการที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้นจะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตาม ซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายและการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษแต่ปรากฏจากสำเนารายงานประจำวันธุรการเอกสารหมาย จ.3 ไม่มีข้อความตอนใดที่มีความหมายว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายมีเจตนาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลย กลับมีข้อความเพียงว่า "จึงได้นำความมาแจ้งไว้เป็นหลักฐาน"การที่โจทก์แจ้งความไว้เพียงเพื่อให้เป็นหลักฐานเท่านั้น มิได้มีเจตนาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลยเช่นนี้ ถือมิได้ว่าเป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมาย"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางบุญนาค ภัทรจินดา จำเลย - นายพิชัย ตัณฑวิเชียร

ชื่อองค์คณะ วิถี ปานะบุตร อำนัคฆ์ คล้ายสังข์ ไพบูลย์ เพียรรู้จบ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE