คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 167/2522
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 260
ศาลสั่งชั่วคราวห้ามจำเลยหลายอย่าง จำเลยฎีกาขอให้ยกเลิกคำสั่งระหว่างฎีกานี้โจทก์จำเลยยอมความกันในคดีเดิม มีหลายอย่างที่จำเลยต้องปฏิบัติตามยอม แต่โจทก์ไม่ได้ขอหมายบังคับคดีใน 15 วันคำสั่งห้ามชั่วคราวสิ้นผลตาม ม. 260(2) ศาลจำหน่ายคดีที่จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามชั่วคราวตามคำขอของโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกเลิกคำสั่งเฉพาะที่ห้ามจำเลยนำสุราจากที่อื่นมาจำหน่ายในเขตจังหวัดนอกจากนี้คงห้ามตามคำสั่งเดิม
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาขอให้ยกเลิกคำสั่งวิธีการชั่วคราวของศาลชั้นต้นทุกข้อ
ระหว่างคดีขั้นขอห้ามชั่วคราวอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาคู่ความตกลงยอมความกัน โดยโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 3 ศาลชั้นต้นอนุญาต โจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 และที่ 4มีใจความสำคัญว่า โจทก์จำเลยยอมให้สัญญารับทำและขายสุรามีผลต่อไปจนสิ้นอายุสัญญา จำเลยยอมให้โจทก์ได้ลดค่าปรับโดยโจทก์ยอมชำระค่าปรับให้จำเลย รายละเอียดปรากฏตามสัญญาที่ทำที่กระทรวงการคลังลงวันที่ 20เมษายน 2520 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2520แล้ว
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีผลให้จำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความหลายประการ แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวัน นับตั้งแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับ ต้องถือว่าคำสั่งห้ามชั่วคราว เป็นอันยกเลิกเมื่อสิ้นระยะเวลาเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 260(2) ศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 2และที่ 3 อีกต่อไป
ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความของศาลฎีกา ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ"
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท สุราเจริญไทย จำกัด จำเลย - นายสุนันท์ อังกนะ กับพวก
ชื่อองค์คณะ สงวน สิทธิไชย อุดม จาละ ปรีชา สุมาวงศ์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan