คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2523
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 225 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 219
จำเลยจุดไฟเผาต้นไม้ที่โค่นไว้ในสวนของจำเลย จำเลยทำทางกันไฟไว้กว้าง 2 ศอก แต่แดดร้อนจัดและลมแรงไม่พอป้องกันมิให้ไฟลามไปไหม้สวนของผู้อื่นได้ เป็นประมาท แม้เป็นคดีที่ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ศาลฎีการอการลงโทษได้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 จำคุก 2 เดือน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 เดือน เป็นคดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 จึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยเสียก่อนว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายจริงหรือไม่ คดีนี้ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าก่อนที่จำเลยจะจุดไฟเผาต้นไม้ที่จำเลยโค่นไว้นั้น จำเลยได้ทำทางกันไฟไว้แล้ว ทางด้านที่ติดกับสวนยางพาราของนายอุดมผู้เสียหาย โดยจำเลยได้ทำทางกันไฟไว้ตลอดแนวกว้าง 2 ศอกโดยตลอด แต่ศาลล่างฟังว่าทางกันไฟซึ่งมีความกว้างเพียง 2 ศอก ไม่กว้างพอที่จะป้องกันไฟลุกลามได้ ทั้งขณะที่จำเลยจุดไฟเผานั้น แดดกำลังร้อนจัดและมีลมพัดแรง เป็นเหตุให้ไฟที่จำเลยจุดลุกไหม้ลามเข้าไปในบริเวณสวนของโจทก์ร่วมทั้งสามจำเลยกับสามีไม่สามารถจะป้องกันมิให้ไฟลุกลามเข้าไปในสวนของโจทก์ร่วมทั้งสามได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งในภาวะดังกล่าวจำเลยต้องตามวิสัยและพฤติการณ์และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่จำเลยฎีกาโต้เถียงว่า ขณะที่จำเลยจุดไฟเผากองไม้ที่จำเลยโค่นไว้เป็นเวลาตอนบ่าย ลมสงบ ทั้งที่ดินบริเวณที่จำเลยจุดไฟกับที่ดินของผู้เสียหายก็มีทางรถยนต์กว้างประมาณ 6 ศอก กว้างพอที่จะป้องกันไฟมิให้ลามไปได้ จึงเป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลล่างรับฟังมา อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า หากจะฟังว่าจำเลยกระทำผิด ก็ขอให้รอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาได้พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าจำเลยเป็นหญิงอายุ 58 ปีแล้ว ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดอาญามาก่อน ก่อนจุดไฟจำเลยได้ทำทางกันไฟไว้กว้าง 2 ศอกตลอดแนว แม้ไม่กว้างพอจะกันไฟลุกลามได้ก็จริง แต่จำเลยก็ได้ทำการป้องกันไว้ก่อนแล้ว คดีนี้เป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเพียง 2 เดือน จึงเห็นสมควรรอการลงโทษจำเลยไว้สักครั้งหนึ่ง เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์"
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - อัยการสุราษฏร์ธานี โจทก์ - โจทก์ร่วม โจทก์ - นายมโน ไกรวงศ์ กับพวก จำเลย - นางเชื้อ ศักดา
ชื่อองค์คณะ ชุบ วีระเวคิน อัมพล สุวรรณภักดี สมบูรณ์ บุญภินนท์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan