สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2522

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 290

ที่ว่าให้ยื่นคำขอเฉลี่ยก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรค 3 นั้นหมายถึงวันสิ้นสุดการขายทรัพย์ที่ยึดมาในคราวเดียวกันทั้งหมด

เนื้อหาฉบับเต็ม

เจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดทรัพย์ ได้ขายทอดตลาดครั้งแรก เมื่อ 26พฤศจิกายน 2519 ขายครั้งที่ 2 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2520 ผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2520 ศาลชั้นต้นยกคำขอเฉลี่ยทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้ โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ผู้ร้องขอเฉลี่ยเข้ามาเกินระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันขายครั้งแรก เป็นการไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคสาม นั้น คำว่า"ให้ยื่นก่อนสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันขายทอดตลาด หรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้น" ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคสาม หมายถึงวันสิ้นสุดการขายทรัพย์สินที่ยึดมาในคราวเดียวกันทั้งหมดทรัพย์ที่ยึดมาในคราวเดียวกันมีทั้งหมด 4 รายการ ขายครั้งแรกได้ 2 รายการ ยังเหลืออีก 2 รายการขายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2520 ผู้ร้องยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์เข้ามาเมื่อวันที่ 9กุมภาพันธ์ 2520 ยังอยู่ในระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันขายทอดตลาดครั้งสุดท้ายผู้ร้องจึงมีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ได้

ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ยังมีหลักทรัพย์ของนายสมบูรณ์ จันทร์ศรีจำเลยที่ 2ในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์อยู่เพียงพอที่จะเอาชำระหนี้ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อปรากฏว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องและผู้ร้องนำสืบได้ว่าผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยได้อีก ผู้ร้องก็มีสิทธิที่จะเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดมาและขายทอดตลาดได้ ส่วนเรื่องการถือหุ้นของบริษัทเพชรพิมาน จำกัด นั้น โจทก์ก็นำสืบแต่เพียงว่าเดิมจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2508 ตามเอกสารหมาย จ.1 เท่านั้น ไม่ปรากฏว่าหุ้นเหล่านั้นบัดนี้ยังเป็นของจำเลยอยู่หรือไม่และมีมูลค่าเท่าใด นอกจากนั้นหากว่าหุ้นเหล่านั้นยังเป็นของจำเลยอยู่จริงโจทก์ก็คงนำยึดมาด้วยแล้ว เพราะราคาทรัพย์ที่ยึดมามีราคาเพียงประมาณ 205,400 บาทเท่านั้น ยังไม่คุ้มกับหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ฎีกาทุกข้อของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท แสงและเสียง(ไทย) จำกัด จำเลย - นายธำรง ขุนสะอาด ผู้ร้อง - ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด

ชื่อองค์คณะ ผสม จิตรชุ่ม พยนต์ ยาวะประภาษ สุทิน เลิศวิรุฬห์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE