สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2522

พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 ม. 5, 32, 65, 69, 70 ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2518 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 192

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำการประมงโดยใช้เครื่องมือทำการประมงที่ต้องห้ามตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่องกำหนดฤดูปลาทูมีไข่และห้ามมิให้ใช้เครื่องมือบางชนิดจับปลาทูและกำหนดขนาดตาของเครื่องมือบางชนิดในฤดูมีปลาทูขนาดเล็ก ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2518 ข้อ 3 แต่ในคำบรรยายฟ้องของโจทก์ปรากฏว่าเครื่องมือที่จำเลยใช้เป็นคนละประเภทกับเครื่องมือที่ระบุห้ามไว้ในประกาศข้อ 3 ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้เครื่องมือตามที่ระบุห้ามไว้ตามประกาศดังกล่าวข้อ 3 ทำการประมงอันจะเป็นความผิดต่อกฎหมายที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2520 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยทั้ง 8 ได้บังอาจร่วมกันใช้เครื่องมือประเภทอวนติดตามีสายพาน ซึ่งเป็นเครื่องมือต้องห้ามตามประกาศกระทรวงเกษตร ฯลฯ ข้อ 3 ทำการประมงจับปลาในอ่าวไทย โดยฝ่าฝืนกฎหมายและประกาศดังกล่าว เหตุเกิดที่ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 5, 32, 65, 69, 70 พระราชบัญญัติการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2496 มาตรา 10 ประกาศกระทรวงเกษตรฯ เรื่องกำหนดฤดูปลาทูมีไข่และห้ามมิให้ใช้เครื่องมือบางชนิดจับปลาทู และกำหนดขนาดตาของเครื่องมือบางชนิดในฤดูมีปลาทูขนาดเล็ก ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2518 ข้อ 3 และริบของกลาง

จำเลยทั้ง 8 ให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง จำคุกคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 800 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 3 เดือน และปรับคนละ 400 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ภายในกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามมาตรา 29, 30 ของกลางริบ

จำเลยทั้ง 8 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยทั้ง 8 ให้การรับสารภาพและไม่มีการสืบพยาน ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 8 ร่วมกันใช้เครื่องมือประเภทอวนติดตามีสายพาน ทำการประมงจับปลาในอ่าวไทยในเขตตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และตามฟ้องของโจทก์ตลอดจนคำขอท้ายฟ้องมุ่งประสงค์กล่าวอ้างว่า จำเลยทั้ง 8กระทำผิดต่อกฎหมายโดยฝ่าฝืนประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่องกำหนดฤดูปลามีไข่และห้ามมิให้ใช้เครื่องมือบางชนิดจับปลาทูและกำหนดขนาดตาของเครื่องมือบางชนิดในฤดูมีปลาทูขนาดเล็ก ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2518 ข้อ 3 แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้ง 8บังอาจร่วมกันใช้เครื่องมือประเภทอวนติดตามีสายพานทำการประมงจับปลาในอ่าวไทย ซึ่งเครื่องมือที่จำเลยที่ 8 ใช้ทำการประมงเป็นคนละประเภทกับเครื่องมือที่ระบุห้ามไว้ตามประกาศข้อ 3 ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 8 ได้ใช้เครื่องมือตามที่ระบุห้ามไว้ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดังกล่าวทำการประมงตามที่โจทก์ฟ้องอันเป็นความผิดต่อกฎหมายที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ จึงลงโทษจำเลยทั้ง 8 ไม่ได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำเลย - นายน้อย เอื้อนสะอาด กับพวก

ชื่อองค์คณะ ยง โรจนสุพจน์ ประเสริฐ วราภรณ์ ประสม ศรีเจริญ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE