คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1532/2543
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 90, 149, 157, 161, 266 (1)
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับคำขอต่าง ๆ เกี่ยวกับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดินทุกประเภท รวมทั้งงานในด้านเกี่ยวกับการเงินและบัญชี โดยมีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องการกรอกข้อความในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน แล้วนำเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ทั้งได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมาก่อนเกิดเหตุนานประมาณ 7 ปี จำเลยย่อมทราบและคำนวณค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนที่ดินในพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบเป็นอย่างดี การที่จำเลยเรียกหรือรับเงินจำนวน 7,800 บาท ไว้แล้วนิ่งเฉยเสีย แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยมีเจตนาเรียกหรือรับเอาเงินส่วนที่เกินไว้สำหรับตนเองโดยมิชอบเพื่อกระทำการในตำแหน่ง จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149
จำเลยพร้อมที่จะเสนอเรื่องราวขอจดทะเบียนขายที่ดินระหว่าง น. กับ ส. ต่อเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินเพื่อดำเนินการต่อไปตามอำนาจหน้าที่ แต่จำเลยกลับละเว้นไม่ดำเนินการนับแต่วันดังกล่าวเป็นต้นมา ดังนั้น ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จึงเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินสำหรับตนเองโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 เมื่อปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 อันเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่จำต้องปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อันเป็นบททั่วไปอีก
เมื่อจำเลยได้กรอกข้อความลงในใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) ตามความเป็นจริง ตรงตามเจตนาของผู้ซื้อผู้ขายที่ดินทุกประการ และตราประทับของกระทรวงมหาดไทยก็ถูกต้อง เพียงแต่ยังไม่มีลายมือชื่อ นายอำเภอและยังมิได้ลงวันที่และเดือนที่ออกใบแทนฯ เท่านั้น เอกสารดังกล่าว จึงมิใช่เอกสารที่จำเลยจัดทำขึ้นโดยมีเจตนาจะลอกเลียนแบบหรือปลอมเอกสาร ต้นฉบับ ๆ หนึ่งฉบับใด เป็นเพียงแต่เอกสารยังลงรายการไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ ตามระเบียบของทางราชการเท่านั้น และการที่นายอำเภอในฐานะเป็น เจ้าพนักงานที่ดินยังมิได้ลงชื่อรับรองเอกสารกับการที่ยังมิได้ลงวันเดือนปี ที่ออกเอกสาร ก็ไม่มีเหตุที่จะทำให้ผู้พบเห็นเอกสารจะหลงเชื่อว่าเป็น เอกสารที่ถูกต้องแท้จริงที่ทางราชการออกให้ไปได้ การกระทำของจำเลย ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานปลอมเอกสารจึงไม่เป็นความผิดฐาน ปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 ประกอบด้วยมาตรา 266(1)
โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญมีหน้าที่รับผิดชอบการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกหนังสือสำคัญแสดงสิทธิในที่ดินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดินทุกประเภท การออกใบแทนหนังสือสำคัญแสดงสิทธิในที่ดินและงานเกี่ยวกับการเงินและบัญชี กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือจำเลยเรียกและรับเงินจากนายสุรินทร์ สีดี จำนวน 7,800 บาท สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อทำการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมซื้อขายที่ดิน จำเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่ได้รับมอบหมายโดยมิชอบ โดยไม่นำเสนอเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมระหว่างนายมานพกับนายสุรินทร์ในการซื้อขายที่ดินดังกล่าวต่อนายเสนาะ มัญมณี เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอสามโก้ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่นายมานพ นายสุรินทร์ นายเสนาะ และนายอำเภอสามโก้ จำเลยได้ปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่จำเลยมีหน้าที่ โดยจำเลยปลอมใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) อันเป็นเอกสารสิทธิและเป็นเอกสารราชการ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91, 149, 157, 161, 264, 265, 266 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำคุก 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยก ริบของกลาง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 161, 266(1) ลงโทษตามมาตรา 149 จำคุก 5 ปี ความผิดตามมาตรา 161 และมาตรา 266(1) เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 266(1) ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี เมื่อรวมกับโทษจำคุก 1 ปี ตามมาตรา 157 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เป็นจำคุก 7 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยรับราชการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 2 ประจำสำนักงานที่ดินอำเภอสามโก้จังหวัดอ่างทอง จำเลยได้รับมอบหมายจากนายเสนาะ มัญมณี เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอสามโก้ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้ทำหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมทุกประเภทรวมทั้งรับคำขอออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) ด้วย เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2531 นายสุรินทร์ สีดี ได้ตกลงซื้อที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 690 จากนายมานพ นิ่มกุล ในราคา 113,470 บาท นายสุรินทร์และนายมานพได้ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทขายที่ดินต่อจำเลยที่สำนักงานที่ดินอำเภอสามโก้ ซึ่งจำเลยรับคำขอไว้ดำเนินการและมีการประกาศการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมมีกำหนด30 วัน แต่เนื่องจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ฉบับเจ้าของที่ดินชำรุดจำเลยจึงเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) ที่ดินดังกล่าวโดยมีรายละเอียดตามสารบัญจดทะเบียนด้านหลังหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ฉบับใบแทนที่ออกใหม่ว่า นายสุรินทร์เป็นผู้รับโอนที่ดินจากนายมานพ มอบให้แก่นายสุรินทร์ผู้ซื้อไป ต่อมาในปี 2536 นายสุรินทร์นำใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองเป็นประกันเงินกู้ต่อสหกรณ์การเกษตรอำเภอสามโก้ จำกัด นายเสนาะเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอสามโก้ได้ตรวจสอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)คู่ฉบับซึ่งเป็นของสำนักงานที่ดินอำเภอสามโก้แล้ว ปรากฏว่ายังไม่มีการจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินเป็นของนายสุรินทร์ผู้ซื้อ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่าจำเลยกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินสำหรับตนเองโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 หรือไม่ เห็นว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับคำขอต่าง ๆ เกี่ยวกับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดินทุกประเภท รวมทั้งงานในด้านเกี่ยวกับการเงินและบัญชี โดยมีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องการกรอกข้อความในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน แล้วนำเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ทั้งได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมาก่อนเกิดเหตุนานประมาณ7 ปี จำเลยย่อมทราบและคำนวณค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนที่ดินในพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบเป็นอย่างดี การที่จำเลยเรียกหรือรับเงินจำนวน 7,800 บาทไว้แล้วนิ่งเฉยเสีย บ่งแสดงชัดแจ้งว่า จำเลยมีเจตนาเรียกหรือรับเอาเงินส่วนที่เกินไว้สำหรับตนเองโดยมิชอบเพื่อกระทำการในตำแหน่ง จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น แต่ปัญหาข้อนี้เมื่อตรวจดูเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทขายของนายมานพและนายสุรินทร์โดยละเอียดแล้ว ปรากฏว่าทั้งนายมานพและนายสุรินทร์ไปยื่นคำขอต่อจำเลยเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2531 จำเลยรับคำขอดังกล่าวไว้และบอกว่าจะต้องมีการประกาศเพื่อคัดค้านมีกำหนด 30 วัน เมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วทั้งนายมานพและนายสุรินทร์ไปพบจำเลยอีกครั้ง จำเลยให้บุคคลทั้งสองดูสำเนาประกาศแล้วบอกให้ชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนและค่าภาษีอากรรวม 7,800 บาท นายสุรินทร์จึงมอบเงินจำนวน 7,800 บาท แก่จำเลยแล้วชำระราคาที่ดินแก่นายมานพในวันนั้น แล้วจำเลยให้นายมานพและนายสุรินทร์ลงชื่อในสัญญาขายที่ดินซึ่งวิธีการดังกล่าวได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 7 ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ข้อ 5 และข้อ 7 อันเป็นการยืนยันว่าในวันดังกล่าวจำเลยพร้อมที่จะเสนอเรื่องราวขอจดทะเบียนขายที่ดินระหว่างนายมานพกับนายสุรินทร์ต่อนายเสนาะ เจ้าหน้าที่บริหารที่ดินอำเภอสามโก้เพื่อดำเนินการต่อไปตามอำนาจหน้าที่ แต่จำเลยกลับละเว้นไม่ดำเนินการนับแต่วันดังกล่าวเป็นต้นมา ดังนั้น ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินสำหรับตนเองโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 เมื่อปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 อันเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่จำต้องปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 อันเป็นบททั่วไปอีก หาเป็นความผิดต่างกรรมดังเช่นที่โจทก์บรรยายฟ้องมาไม่ แม้ว่าปัญหานี้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการนั้น จำเลยนำสืบถึงสาเหตุที่ทำเอกสารว่า ระหว่างที่รอนายสุรินทร์นำนายมานพยืนยันเรื่องการรับชำระราคาที่ดินเพื่อลงสารบัญจดทะเบียนนั้น ในเดือนมกราคม 2532 นายสุรินทร์ไปหาจำเลยอีก บอกว่าบิดาต้องการตรวจสอบใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เพราะเกรงว่านายสุรินทร์จะซื้อที่ดินไม่จริง เนื่องจากเงินส่วนหนึ่งที่ซื้อที่ดินขอยืมมาจากบิดา จำเลยจึงมอบใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)ที่มีการเขียนรายละเอียดที่สารบัญจดทะเบียนว่านายมานพโอนขายที่ดินให้แก่นายสุรินทร์ให้นายสุรินทร์รับไปแสดงต่อบิดาแล้วให้นำมาคืนเนื่องจากยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จนายสุรินทร์รับไปแล้วกลับไม่นำมาคืนนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) จำเลยได้กรอกข้อความลงในเอกสารตามความเป็นจริง ตรงตามเจตนาของผู้ซื้อผู้ขายที่ดินทุกประการ และตราประทับของกระทรวงมหาดไทยก็ถูกต้อง เพียงแต่ยังไม่มีลายมือชื่อนายอำเภอสามโก้ และยังมิได้ลงวันที่และเดือนที่ออกใบแทนฯ เท่านั้น จึงมิใช่เอกสารที่จำเลยจัดทำขึ้นโดยมีเจตนาจะลอกเลียนแบบหรือปลอมเอกสารต้นฉบับ ๆ หนึ่งฉบับใด เป็นเพียงแต่เอกสารยังลงรายการไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ตามระเบียบของทางราชการเท่านั้น และการที่นายอำเภอสามโก้ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานที่ดินยังมิได้ลงชื่อรับรองเอกสารกับการที่ยังมิได้ลงวันเดือนปีที่ออกเอกสาร ก็ไม่มีเหตุที่จะทำให้ผู้พบเห็นเอกสารหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริงที่ทางราชการออกให้ไปได้ การกระทำของจำเลยไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานปลอมเอกสาร จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 161 ประกอบด้วยมาตรา 266(1) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดฐานนี้อีกกระทงหนึ่ง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น"
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149เพียงบทเดียว จำคุก 5 ปี แต่ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาประกอบกับจำเลยรับราชการมานาน มีคุณความดีมาก่อน มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดอ่างทอง จำเลย - นาย นพดล คงศรี
ชื่อองค์คณะ วินัย ตุลยภักดิ์ พิชัย เตโชพิทยากูร วิชัย วิสิทธวงศ์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan