สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2525

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2525

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 87

โจทก์ฟ้องไล่เบี้ยจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันและผู้จำนองประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของจำเลย การที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์จำเลยและบุคคลอื่นเข้าหุ้นส่วนกันรับเหมาก่อสร้างโรงเรียน อันเป็นการนำสืบถึงความเกี่ยวพันระหว่างบุคคลอันเป็นเหตุชักนำให้โจทก์เข้าทำสัญญาค้ำประกันและจำนอง โจทก์ย่อมนำสืบได้โดยไม่จำเป็นต้องกล่าวไว้ในฟ้อง และการนำสืบถึงข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ประเด็นดังกล่าวนี้ หาจำต้องนำสืบถึงรายละเอียดและแสดงพยานหลักฐานการลงหุ้น การประมูลการก่อสร้างหรือรายละเอียดอย่างอื่นไม่

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ค้ำประกันการเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยทั้งสองจำนวน 100,000 บาท รวมทั้งดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนต่อธนาคารกรุงเทพ จำกัด และโจทก์ได้นำโฉนดที่ดินมาจำนองประกันหนี้ดังกล่าวด้วยจำเลยทั้งสองเป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชี 145,500 บาท แล้วไม่ชำระหนี้โจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันและจำนองจึงชำระหนี้จำนวนดังกล่าวให้ธนาคารไปแล้ว จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระหนี้จำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยกู้เบิกเงินเกินบัญชีแทนโจทก์ตามที่โจทก์ขอร้อง เมื่อจำเลยได้รับอนุมัติแล้วก็ออกเช็คเบิกเงินจำนวน 80,000 บาทส่วนอีก 20,000 บาท โจทก์ให้จำเลยยืมเป็นทุนหมุนเวียน ซึ่งต่อมาจำเลยใช้คืนแก่โจทก์แล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนตามฟ้องพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีมาเพื่อจำเลยที่ 1 เอง หาใช่เบิกมาให้โจทก์ไม่ ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องค้ำประกัน จำนองและการใช้สิทธิไล่เบี้ยแต่นำสืบว่าเป็นเรื่องหุ้นส่วน ไม่ตรงตามคำฟ้องและประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนดไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาเห็นว่า การนำสืบของโจทก์ดังกล่าวเป็นการนำสืบถึงความเกี่ยวพันระหว่างโจทก์จำเลยและบุคคลอื่น อันเป็นเหตุที่ชักนำให้โจทก์เข้าทำสัญญาค้ำประกันและจำนองเป็นประกันหนี้โจทก์ย่อมนำสืบได้โดยไม่จำต้องกล่าวไว้ในคำฟ้อง หาผิดกระบวนพิจาณาไม่ และฎีกาข้อที่ว่า โจทก์ไม่มีหลักฐานแสดงการเป็นหุ้นส่วน ไม่มีหลักฐานการลงหุ้น ไม่มีหลักฐานการซื้อวัสดุก่อสร้างกับการประมูลก่อสร้างโรงเรียนพยานโจทก์มิได้เบิกความถึงรายละเอียดต่าง ๆ เช่นจำนวนเงินที่ยื่นประมูลโรงเรียนที่จะทำการก่อสร้างตั้งอยู่ที่ไหน กำหนดการก่อสร้างจะแล้วเสร็จเมื่อใด คนงานมีจำนวนเท่าใด เป็นต้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์นำสืบถึงข้อเหล่านี้เพื่อแสดงว่าโจทก์ สามีโจทก์ จำเลย และนายเสน่ห์เข้าหุ้นกันทำการก่อสร้างโรงเรียน มีการจ่ายเงินทดรองให้กันก่อน อันเป็นข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ประเด็นแห่งคดี การนำสืบข้อดังกล่าวหาจำต้องมีรายละเอียดและพยานหลักฐานดังที่จำเลยฎีกาไม่

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางประวิง ขำประสิทธิ์ โจทก์ - โดย นายเลี่ยม ขำประสิทธิ์ ผู้รับมอบอำนาจ จำเลย - ห้างหุ้นส่วนจำกัด ภูมิพัฒนาคอนสตัคชั่น กับพวก

ชื่อองค์คณะ อัมพล สุวรรณภักดี สมบูรณ์ บุญภินนท์ สหัส สิงหวิริยะ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE