สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2522

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 197, 202, 208

คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวถึงรายละเอียดที่จำเลยทั้งสองได้ขาดนัดพิจารณาและหากจำเลยทั้งสองไม่ขาดนัดก็มีทางชนะคดีโจทก์ได้เพราะมีโอกาสซักค้านและสืบพยานหักล้างพยานโจทก์ ไม่ได้กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล ไม่มีข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เหตุผลหรือหลักฐานที่แสดงในคำร้องว่าคำพิพากษาของศาลไม่ถูกต้องประการใด และหากพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว คำร้องขอของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งมาตรา 208 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ของโจทก์ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีโดยมีจำเลยที่ 2 จำนองที่ดินเป็นประกัน ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 3 ล้านบาทเศษพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองให้การเป็นทำนองเดียวกันเรื่องอำนาจฟ้อง จำนวนเงินที่ฟ้องโจทก์ไม่ได้บอกกล่าวบังคับจำนองโดยชอบและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม

จำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน 3 ล้านบาทเศษ พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่าจำเลยทั้งสองสำคัญผิดวันนัดสืบพยาน หากไม่ขาดนัดจำเลยทั้งสองมีทางชนะคดีโจทก์ได้

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยมิได้แสดงโดยละเอียดชัดแจ้งถึงข้อที่คัดค้านคำตัดสินของศาล จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 ให้ยกคำร้อง

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองมีข้อความสำคัญว่า จำเลยทั้งสองมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา เหตุที่เกิดขึ้นเพราะจำเลยจำวันนัดสืบพยานสับสน โดยสำคัญผิดว่าวันนัดสืบพยานวันที่13 ตุลาคม 2520 เป็นวันที่ 31 ตุลาคม 2520 หากไม่เกิดความสำคัญผิดแล้วทนายจำเลยที่ได้แต่งตั้งใหม่ซึ่งก็ได้มาศาลในวันนั้นแม้จะอยู่ต่างบัลลังก์ก็คงจะได้ยื่นคำร้องหรือคำแถลงให้ศาลทราบถึงข้อขัดข้อง หากจำเลยได้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยตลอดไม่ขาดนัดจำเลยทั้งสองมีทางชนะคดีได้อย่างแน่นอน โดยจำเลยทั้งสองจะได้ซักค้านและนำพยานเข้าสืบหักล้างคำเบิกความพยานโจทก์ว่าจำเลยมิได้เป็นหนี้ตามฟ้อง และสืบหักล้างเอกสารของโจทก์ว่าโจทก์คิดขึ้นเอง จำเลยมิได้รู้เห็นเกี่ยวข้องในเอกสารที่โจทก์ส่งศาล ดังนี้ คำร้องได้กล่าวถึงรายละเอียดที่จำเลยทั้งสองได้ขาดนัดพิจารณาเช่นนั้น ไม่ได้กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล กล่าวคือในคำร้องกล่าวแต่เพียงว่า หากจำเลยทั้งสองไม่ขาดนัด จำเลยทั้งสองมีทางชนะคดีโจทก์ได้โดยจำเลยทั้งสองมีโอกาสซักค้านและสืบพยานหักล้างพยานโจทก์เท่านั้น ไม่มีข้อเท็จจริงข้อกฎหมาย เหตุผล หรือหลักฐานที่จะแสดงในคำร้องว่าคำพิพากษาของศาลไม่ถูกต้องประการใด และหากพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว คำร้องของจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งมาตรา 208 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ธนาคารกรุงเทพ จำกัด จำเลย - นายกมล ตั้งอมรศิริ กับพวก

ชื่อองค์คณะ พยนต์ ยาวะประภาษ ผสม จิตรชุ่ม สุทิน เลิศวิรุฬห์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE