สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2543

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2543

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 83, 86, 276

จำเลยทั้งสามกับพวกได้ร่วมกันพาผู้เสียหายไปที่บ้านเกิดเหตุเพื่อกระทำชำเราจำเลยที่ 3 กระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายยินยอม จึงไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่เมื่อจำเลยที่ 3 ออกไปจากห้องแล้วปล่อยให้จำเลยที่ 1 ที่ 2และพวกอีก2 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในห้องทีละคนโดยจำเลยที่ 3 มิได้ขัดขวางหรือห้ามปรามแต่อย่างใดถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และพวกอีก 2 คน ก่อนหรือขณะกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะเป็นการโทรมหญิงจำเลยที่ 3 จึงมีความผิดเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 276

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณา นายการีม เต็กติเนน บิดาของนางสาวกาตี้ เต็กติเนน ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง ลงโทษจำคุกคนละ 20 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละหนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 15 ปี

จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังยุติตามที่โจทก์ โจทก์ร่วมและจำเลยที่ 1 มิได้โต้แย้งกันว่า เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2536 เวลาประมาณ 19 นาฬิกา ผู้เสียหายและโจทก์ร่วมออกจากโรงแรมที่พักไปเที่ยวชมเมืองพัทยา จนกระทั่งเวลาประมาณ 1 นาฬิกา ผู้เสียหายแยกตัวจากโจทก์ร่วมไปเที่ยวที่ลิตเติ้ลดั๊กดิสโกเธคตามลำพัง ผู้เสียหายไปนั่งที่โต๊ะใกล้กับโต๊ะที่จำเลยทั้งสามกับพวกอีก 2 คนนั่งอยู่ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 พาผู้เสียหายไปบ้านเกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านพักของพนักงานบริษัทคาวาซากิประเทศไทย จำกัด จำเลยที่ 1 ที่ 2 และพวกอีก 2 คน ไปที่บ้านเกิดเหตุด้วย จำเลยที่ 3 ได้ร่วมประเวณีกับผู้เสียหายที่ชั้นบนของบ้านเกิดเหตุ มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามฟ้องหรือไม่โจทก์และโจทก์ร่วมมีพันตำรวจตรีสรวิศ พุกะทรัพย์ พนักงานสอบสวนเบิกความว่าชั้นสอบสวนผู้เสียหายให้การว่าได้พูดคุยกับจำเลยทั้งสามกับพวกจึงทราบว่าจำเลยทั้งสามกับพวกเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์ นายธรรมวิทย์ คุรุเมธากร พยานโจทก์และโจทก์ร่วมอีกปากหนึ่งก็เบิกความว่า ในคืนเกิดเหตุเห็นหญิงต่างชาติอายุประมาณ 18 ปี นั่งอยู่กับจำเลยทั้งสามกับพวก เชื่อว่าผู้เสียหายได้เข้าไปนั่งพูดคุยกับจำเลยทั้งสามกับพวก มิฉะนั้นผู้เสียหายจะไม่ทราบและให้การต่อพันตำรวจตรีสรวิศเช่นนั้น เมื่อจำเลยทั้งสามกับพวกพาผู้เสียหายเข้าไปที่บ้านเกิดเหตุ ผู้เสียหายเบิกความว่าพวกของจำเลยทั้งสามคนที่ 1 เข้าไปในห้องและกอดปล้ำผู้เสียหาย สักครู่หนึ่งจำเลยที่ 3 เปิดประตูห้องเข้ามา พวกของจำเลยทั้งสามคนที่ 1 ก็ออกจากห้องไป จำเลยที่ 3 ปิดประตูและกอดปล้ำถอดกระโปรงผู้เสียหายออก แสดงว่าพวกของจำเลยทั้งสามคนที่ 1 พยายามจะข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายไม่ยินยอมจึงไม่อาจกระทำได้และเมื่อจำเลยที่ 3 เข้ามาในห้อง ผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยที่ 3 ปลดกระดุมเสื้อและถอดกางเกงในผู้เสียหาย เสื้อผ้าที่ผู้เสียหายสวมในคืนเกิดเหตุตามภาพถ่ายหมาย จ.2 เป็นชุดเสื้อกระโปรงติดกัน มีกระดุมด้านหน้าประมาณกว่า 10 เม็ด ผู้เสียหายอยู่กับจำเลยที่ 3 สองต่อสอง หากผู้เสียหายขัดขืนแล้วจำเลยที่ 3 ย่อมไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ หรือถ้าทำได้ก็ลำบาก และเชื่อว่าในเหตุการณ์เช่นนั้น จำเลยที่ 3 คงไม่ยอมเสียเวลาปลดกระดุมน่าจะดึงกระชากออกมากกว่า นอกจากนี้ผู้เสียหายยังเบิกความอีกว่าระหว่างนั้นจำเลยที่ 3 พูดขอร่วมประเวณีกับผู้เสียหายด้วย ผิดวิสัยของผู้ที่จะข่มขืนกระทำชำเราจะพูดขอร้องฝ่ายหญิง พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยที่ 3 กระทำชำเรา เมื่อจำเลยที่ 3 กระทำชำเราเสร็จแล้วจำเลยที่ 1 ที่ 2 และพวกจำเลยทั้งสามอีก 2 คน ได้เข้ามากระทำชำเราผู้เสียหายอีกการกระทำของจำเลยที่ 1 กับพวก ไม่เชื่อว่าเกิดจากผู้เสียหายยินยอมไม่มีผู้หญิงคนใดยินยอมร่วมประเวณีกับชายหลาย ๆ คนในวาระเดียวกัน และต่อเนื่องกันเช่นนี้แต่ในเหตุการณ์เช่นนั้นผู้เสียหายไม่อาจต่อสู้ขัดขืนหรือกระทำให้เป็นอย่างอื่นได้สภาพของผู้เสียหายจึงตกอยู่ในภาวะจำยอม ผู้เสียหายไม่รู้จักกับจำเลยที่ 1 มาก่อนไม่เชื่อว่าจะปรักปรำจำเลยที่ 1 ชั้นจับกุมจำเลยที่ 1 ก็ให้การรับสารภาพ ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้การ เชื่อว่าเพื่อมีเวลาเตรียมต่อสู้คดี หากจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำผิดจริงจำเลยที่ 1 จะต้องให้การต่อสู้ตั้งแต่ในชั้นสอบสวนแล้ว พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมดังกล่าวฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 1 ร่วมข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจริง ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเรานั้นเห็นว่าขัดแย้งกับคำให้การในชั้นจับกุม และผู้เสียหายเป็นหญิงหากเป็นเรื่องไม่จริงคงไม่กล้าให้การเช่นนั้น พยานหลักฐานของจำเลยที่ 1 ไม่สามารถฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมได้ หลังจากจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราแล้วจำเลยที่ 2 และพวกของจำเลยทั้งสามอีก 2 คนได้เข้ามาข่มขืนกระทำชำเรา และพยายามจะข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอีก การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะเป็นการโทรมหญิงดังโจทก์ฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง สำหรับจำเลยที่ 3 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสามกับพวกได้ร่วมกันพาผู้เสียหายไปที่บ้านเกิดเหตุเพื่อกระทำชำเรา จำเลยที่ 3 กระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายยินยอม จึงไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่เมื่อจำเลยที่ 3 ออกไปจากห้องแล้วกลับปล่อยให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และพวกอีก 2 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในห้องทีละคนโดยจำเลยที่ 3 มิได้ขัดขวางหรือห้ามปรามแต่อย่างใด ถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และพวกอีก2 คน ในการกระทำความผิดดังกล่าวก่อนหรือขณะกระทำความผิด จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ในการกระทำความผิดดังกล่าวเท่านั้น แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ได้ฎีกาปัญหานี้ขึ้นมา แต่ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225"

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง ประกอบมาตรา 86 จำคุก 13 ปี 4 เดือน ลดโทษให้จำเลยที่ 3หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โจทก์ - โจทก์ร่วม โจทก์ - นาย การีม เต็กติเนน จำเลย - นาย ณรงค์ อยู่สุข กับพวก

ชื่อองค์คณะ ธาดา กษิตินนท์ ประดิษฐ์ สิงหทัศน์ หัสดี ไกรทองสุก

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE