สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1314/2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1314/2522

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515 ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องอัตราและวิธีการเก็บเงินสมทบการจ่ายเงินทดแทนของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนและการอุทธรณ์ ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2516

ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องอัตราและวิธีเรียกเก็บเงินสมทบการจ่ายเงินทดแทนของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนและการอุทธรณ์ ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2516 ข้อ 25 ว่า ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน ให้ยื่นฟ้องต่อศาลได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์ประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ออกโดยอาศัยอำนาจที่ให้ไว้ โดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ย่อมมีสภาพบังคับเป็นกฎหมาย ดังนั้น ถ้าโจทก์ไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน โดยจะยื่นฟ้องต่อศาล โจทก์จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับดังกล่าว เมื่อโจทก์ฟ้องคดีเกินกว่าสามสิบวัน นับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์ โจทก์ก็ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาล

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทมีสิทธิได้รับเงินทดแทนในกรณีที่ ร.ถึงแก่กรรมเนื่องจากการทำงาน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 จำเลยที่ 1 มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับกองทุนเงินทดแทนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 10 เป็นคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน มีอำนาจหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์คำวินิจฉัยของสำนักงานกองทุนเงินทดแทน โจทก์ได้แจ้งต่อสำนักงานกองทุนเงินทดแทนเพื่อให้พิจารณาจ่ายเงินทดแทนแก่โจทก์ แต่ได้รับคำตอบว่าไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทนเพราะ ร.ไม่ได้รับอันตรายเนื่องจากการทำงาน โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนมีความเห็นยืนตามคำสั่งของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนโจทก์เห็นว่าคำวินิจฉัยของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนและของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนไม่ชอบ ขอให้เพิกถอน และมีคำสั่งว่าโจทก์มีสิทธิได้รับเงินทดแทน

จำเลยให้การว่า คำวินิจฉัยของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนและของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนชอบแล้ว เพราะ ร.มิได้ประสบอันตรายถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงาน และตัดฟ้องว่าโจทก์ฟ้องคดีเกินกว่าสามสิบวันนับแต่ทราบผลการพิจารณาอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฟ้อง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องอัตราและวิธีเรียกเก็บเงินสมทบการจ่ายเงินทดแทนของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนและการอุทธรณ์ ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2516

ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ได้ 1 ปากแล้วเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย วินิจฉัยว่าโจทก์หมดสิทธิฟ้องคดีต่อศาลพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องคดีได้ภายในอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องอัตราและวิธีเรียกเก็บเงินสมทบการจ่ายเงินทดแทนของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนและการอุทธรณ์ ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2516 ข้อ 25 ว่า ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนให้ยื่นฟ้องต่อศาลได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ออกโดยอาศัยอำนาจที่ให้ไว้โดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ย่อมมีสภาพบังคับเป็นกฎหมายดังนั้นถ้าโจทก์ไม่พอใจวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนโดยจะยื่นฟ้องต่อศาล โจทก์จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับดังกล่าวเมื่อโจทก์ฟ้องคดีเกินกว่าสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์ โจทก์ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาล

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางมาณี เจตษนีนาถ กับพวก จำเลย - กรมแรงงาน กับพวก

ชื่อองค์คณะ สุวรรณพ กองวารี ปรีชา สุมาวงศ์ กุศล บุญยืน

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE