คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2563
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 163, 164 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 ม. 40 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกระทำละเมิดลิขสิทธิ์งานดนตรีกรรมและสิ่งบันทึกเสียงซึ่งเพลงพิพาท 4 เพลง คือ เพลงแสงจันทร์ เพลงเรือน้อย เพลงเจ็บนิดเดียว และ เพลงวันเวลา อันเป็นงานมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่น โดยในส่วนที่เกี่ยวกับผู้เป็นเจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์ซึ่งถือว่าเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายนั้น ฟ้องฉบับเดิมบรรยายว่า บริษัท ส. เป็นผู้เสียหาย โดย ช. ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์งานดนตรีกรรมและสิ่งบันทึกเสียงซึ่งเพลงแสงจันทร์ และเพลงเรือน้อย ทำสัญญาแต่งตั้งให้บริษัท ส. เป็นผู้รับอนุญาตให้เป็นตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานดังกล่าว และบริษัท ท. ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์งานดนตรีกรรมและสิ่งบันทึกเสียงซึ่งเพลงเจ็บนิดเดียว และ เพลงวันเวลา ทำสัญญาแต่งตั้งให้บริษัท ส. เป็นผู้รับอนุญาตให้เป็นตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานดังกล่าว ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องในส่วนนี้เป็นว่า ช. เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์งานดนตรีกรรมและสิ่งบันทึกเสียงซึ่งเพลงแสงจันทร์ และเพลงเรือน้อย และบริษัท ป. เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์งานดนตรีกรรมและสิ่งบันทึกเสียงซึ่งเพลงเจ็บนิดเดียว และเพลงวันเวลา บริษัท ป. ได้อนุญาตให้บริษัท ท. ใช้ลิขสิทธิ์ในเพลงเจ็บนิดเดียว และเพลงวันเวลา ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ช. และบริษัท ท. จึงเป็นผู้เสียหาย ทั้งนี้ ช. และบริษัท ท. ได้มอบหมายให้บริษัท ส. เป็นผู้รับอนุญาตและให้เป็นตัวแทนในการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลงแสงจันทร์ เพลงเรือน้อย เพลงเจ็บนิดเดียว และเพลงวันเวลา ดังนี้ ที่ฟ้องฉบับเดิมบรรยายว่า บริษัท ส. เป็นผู้ได้รับแต่งตั้งจาก ช. และบริษัท ท. เจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์ตามฟ้อง ให้เป็นตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานดังกล่าว ไม่ได้บรรยายว่าเป็นเจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์ แม้ตอนต้นของฟ้องจะระบุว่าบริษัทดังกล่าวเป็นผู้เสียหายก็ถือไม่ได้ว่าเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดตามฟ้องในอันที่จะเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และคำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์ก็ไม่ได้ขอแก้ฐานะของบริษัท ส. ที่เป็นผู้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ของ ช. และบริษัท ท. แต่อย่างใด คงขอแก้ฟ้องเดิมโดยเพิ่มเติมรายละเอียดที่เกี่ยวกับเจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์ในส่วนเพลงเจ็บนิดเดียว และเพลงวันเวลา คำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเป็นการขอเพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าของลิขสิทธิ์ในส่วนซึ่งมิได้กล่าวไว้ ไม่ได้แก้ฟ้องโดยเปลี่ยนตัวผู้เสียหายตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าเป็นการขอแก้ฟ้องในข้อสาระสำคัญที่จะเป็นการแก้ไของค์ประกอบความผิดหรือสภาพแห่งข้อหา จึงไม่ทำให้จำเลยทั้งสองเสียเปรียบในการต่อสู้คดี อีกทั้งในเวลาที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องนั้นยังไม่มีการสืบพยานของคู่ความทั้งสองฝ่าย จำเลยที่ 1 ย่อมมีโอกาสต่อสู้คดีได้เต็มที่และไม่หลงต่อสู้ในข้อที่ขอแก้ฟ้องนั้น และในกรณีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางชอบที่จะใช้ดุลพินิจสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้โดยไม่จำต้องสอบถามจำเลยทั้งสองก่อนคำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่อนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 27, 28, 31, 69, 70, 76 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จ่ายค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธิ์แก่ผู้เสียหายจำนวนกึ่งหนึ่ง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 70 วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 (2) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษปรับคนละ 50,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะต้องห้ามมิให้ฎีกาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 40 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง สำหรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อ 2.1 ซึ่งฎีกาว่า นายบุญธรรม ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ส. ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์งานของบริษัท ส. และนายบุญธรรมก็ได้เบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยที่ 1 ว่า ตนไปแจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์งานของบริษัท ส. โดยไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์งานของนายชวาลา หรือของบริษัท ป. แต่อย่างใด ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า เป็นการแจ้งความว่าจำเลยทั้งสองละเมิดลิขสิทธิ์งานของ บริษัท ส. โดยไม่ได้แจ้งความว่าละเมิดลิขสิทธิ์งานของนายชวาลาหรือบริษัท ป. และข้อเท็จจริงปรากฏว่าบริษัท ส. ไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ในงานดนตรีกรรมตามฟ้อง เช่นนี้ จึงไม่อาจสอบสวนและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองละเมิดลิขสิทธิ์งานของนายชวาลาและบริษัท ป. เพราะถือไม่ได้ว่ามีการร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมาย นั้น เห็นว่า เหตุผลตามฎีกาดังกล่าวไม่ได้อ้างว่าการร้องทุกข์ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างใด แต่เป็นการกล่าวอ้างว่า การที่นายบุญธรรมผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ส. แจ้งความว่าจำเลยทั้งสองละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัท ส. นั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการร้องทุกข์ของนายชวาลาและบริษัท ป. เจ้าของลิขสิทธิ์งานดนตรีกรรมตามฟ้อง อันเป็นฎีกาที่โต้เถียงข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์คดีนี้ พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ซึ่งต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายที่กล่าวไว้ข้างต้น แม้ในฎีกาของจำเลยที่ 1 จะระบุว่าฎีกาข้อ 2.1 อยู่ในหัวข้อฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยไม่ได้ระบุว่าฎีกาข้อใดบ้างที่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ก็ไม่อาจถือว่าฎีกาข้อนี้เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย จึงไม่รับวินิจฉัย
คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อแรกว่าคำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่อนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกระทำละเมิดลิขสิทธิ์งานดนตรีกรรมและสิ่งบันทึกเสียงซึ่งเพลงพิพาท 4 เพลง คือ เพลงแสงจันทร์ เพลงเรือน้อย เพลงเจ็บนิดเดียว และเพลงวันเวลา
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ทก.(อ)17/2562
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา