สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2531

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ม. 78 วรรคแรก, 160 วรรคแรก

กรณีรถสองคันแล่นสวนทางกันและเกิดชนกันได้รับความเสียหายแม้ว่าความเสียหายนั้นจะมิได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของจำเลยก็ตาม ก็ถือได้ว่าจำเลยขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที เมื่อจำเลยมิได้แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็เป็นการไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับไว้ จำเลยจึงต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 วรรคแรก และมีโทษตามมาตรา 160 วรรคแรก. (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2531)

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300, 390,91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78, 160

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา300, 390 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78ให้เรียงกระทงลงโทษ กระทงแรกเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุก 6 เดือน กระทงที่สองให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 78 ให้จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 7 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้กระทำผิดโดยประมาทหรือไม่ตามแผนที่เกิดเหตุ และบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุบอกว่าจุดชนอยู่ในเส้นทางของรถจักรยานยนต์ ห่างกึ่งกลางถนน 1.5 เมตรพบเศษแก้ว กระจำตกอยู่บริเวณจุดชนหลายชิ้น และนายวิทยาผู้เสียหายเบิกความว่า จำเลยได้ขับรถยนต์เข้ามาในช่องทางเดินของรถจักรยานยนต์ ผู้เสียหายได้ห้ามล้อและหักรถไปทางขวา รถของจำเลยก็พุ่งเข้าชนรถจักรยานยนต์ล้มลง ผู้เสียหายและนายชัยพงษ์ผู้เสียหายอีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ หากเป็นไปตามแผนที่เกิดเหตุ และคำของพยานโจทก์แล้วหัวรถยนต์จำเลยต้องชนด้านข้างซ้ายรถจักรยานยนต์ผู้เสียหาย หัวรถยนต์จำเลยต้องมีรอยชน แต่ตามรายงานการตรวจสภาพรถของนายดาบตำรวจมนูญ เพชรฤทธิว่ารถของจำเลยมีส่วนที่ชำรุดเสียหาย คือ บังโคลนหน้าด้านซ้ายส่วนหลัง บุบยุบประมาณ 4 X 12 นิ้ว ประตูด้านซ้ายส่วนหน้า บุบยุบประมาณ 4 X 6 นิ้ว และรถจักรยานยนต์ผู้เสียหาย มีส่วนที่ชำรุดเสียหาย คือ หน้ากากสำหรับติดโคมไฟใหญ่หน้าแตกฯลฯ ซึ่งสภาพความเสียหายรถทั้งสองคันน่าจะเป็นว่า รถจักรยานยนต์ใช้หัวรถชนรถยนต์ทางด้านข้าง โดยจำเลยนำสืบว่าเห็นรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุแซงรถจักรยานยนต์อีก 2 คันขึ้นมา และแล่นล้ำเข้ามาในช่องทางเดินรถของจำเลยรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุหักออกไปทางขวาซึ่งเป็นซ้ายมือของจำเลย จำเลยจึงขับรถหลบไปทางขวาและทางด้านซ้ายมีรถสามล้อจอดอยู่ รถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุจึงหักกลับ และเสียหลักแฉลบมาชนรถยนต์ที่จำเลยขับ ข้อนำสืบของจำเลยมีเหตุผลน่าเชื่อกว่าสภาพเช่นนี้ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยประมาท ขับรถยนต์ชนรถผู้เสียหายรูปคดีจึงเป็นที่สงสัยไม่อาจลงโทษจำเลยได้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหานี้ชอบแล้ว

ปัญหาต่อไปมีว่า การที่จำเลยไม่ได้แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียง จำเลยจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78, 160 วรรคแรก หรือไม่นั้น พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 วรรคแรก มีข้อความว่า ผู้ใดขับรถหรือขี่หรือควบคุมสัตว์ในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์หรือไม่ก็ตามต้องหยุดรถ หรือสัตว์ และให้ความช่วยเหลือตามสมควรและพร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที กับต้องแจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล และที่อยู่ของตนและหมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ตามบทกฎหมายดังกล่าว กรณีตามคดีนี้ซึ่งมีรถสองคันแล่นสวนทางกันและเกิดชนกันได้รับความเสียหายแม้ว่า ความเสียหายนั้นจะมิได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของจำเลยก็ตาม ก็ถือได้ว่าจำเลยขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นแล้วจำเลยจึงมีหน้าที่ต้องแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที เมื่อจำเลยเบิกความรับว่า มิได้แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จริง ก็เป็นการไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับไว้ จำเลยจึงต้องมีความผิดตามมาตรา 78 วรรคแรก และมีโทษตามมาตรา 160 วรรคแรก ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 78, 160 วรรคแรก ให้ปรับจำเลย 1,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ ประจำศาล แขวง นครศรีธรรมราช จำเลย - นาย ประสิทธิ์ ฝั่ง ชลจิตร์

ชื่อองค์คณะ ไมตรี กลั่นนุรักษ์ วิฑูรย์ ตั้งตรงจิตต์ เฉลิม การปลื้มจิตต์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE