คำสั่งคำร้องที่ 122/2545
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 26
ความว่า คดีนี้ผู้ร้องทั้งสามเคยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2544 ขอให้ประธานศาลฎีกามีคำสั่งให้โอนคดีนี้ไปยังศาลอาญามาแล้วครั้งหนึ่ง ประธานศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องทั้งสามถูกฝ่ายโจทก์ข่มขู่จริงและตลอดมา ผู้ร้องทั้งสามไม่กล้าเดินทางไปศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ตามกำหนดนัดเพราะฝ่ายโจทก์ทราบล่วงหน้าโจทก์ประกอบกิจการอยู่ในอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รู้จักบุคคลและพื้นที่ดีอาจก่อเหตุร้ายในวันนัด ผู้ร้องทั้งสามเห็นว่าการที่จะป้องกันความปลอดภัยได้ดีที่สุดคือการไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประกอบกับมีเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้นกล่าวคือการพิจารณาคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1315/2542 อันเป็นคดีที่ผู้ร้องที่ 1 เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลย ผู้ร้องที่ 1 ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ซึ่งสั่งยกคำร้องของผู้ร้องที่ 1 ที่ขอให้มีคำสั่งโอนคดีดังกล่าวไปยังศาลแพ่ง และยกคำร้องขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลแพ่งด้วย ผู้ร้องที่ 1 จึงได้ร้องเรียนผู้พิพากษาดังกล่าวไปยังประธานองคมนตรีและคณะองคมนตรี ผู้ร้องที่ 1 เกรงว่า แม้เป็นการร้องเรียนผู้พิพากษาเฉพาะราย แต่อาจทำให้ผู้พิพากษาอื่นที่ประจำอยู่ที่ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เกิดความไม่พอใจและอาจมีอคติในการพิจารณาพิพากษาคดีนี้ ผู้ร้องทั้งสามจึงขอให้ประธานศาลฎีกามีคำสั่งให้โอนคดีนี้ไปยังศาลอาญา
หมายเหตุ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งจดหมายพร้อมสำเนาคำฟ้องคดีแพ่งที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ เรื่องเรียกค่าทดแทนเพราะเหตุมีความสัมพันธ์กับสามีผู้อื่นในทำนองชู้สาว ไปยังเจ้าของบ้านหลายหลังในโครงการหมู่บ้านปราณบุรีคันทรี่พาร์ค ของโจทก์ ขอให้ผู้ที่พบเห็นว่าโจทก์มีความสัมพันธ์กับสามีจำเลยที่ 1 ในทำนองชู้สาวช่วยไปเป็นพยานให้จำเลยที่ 1 อันเป็นการหมิ่นประมาท และจงใจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328,83,91 ให้ลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 4,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
ขณะที่คดีอยู่ระหว่างศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง จำเลยทั้งสองและทนายจำเลยที่ 1ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2544 ขอให้ประธานศาลฎีกามีคำสั่งให้โอนคดีนี้ไปยังศาลอาญา ประธานศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้อง
ต่อมาวันที่ 3 มกราคม 2545 จำเลยทั้งสองและทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องฉบับนี้ขอให้ประธานศาลฎีกามีคำสั่งให้โอนคดีนี้ไปยังศาลอาญาอีก
คำสั่ง
คดีนี้ผู้ร้องทั้งสามเคยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2544 ขอให้ประธานศาลฎีกามีคำสั่งให้โอนคดีนี้ไปยังศาลอาญา ประธานศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องเพราะเหตุว่าคดีนี้มิใช่ความผิดร้ายแรง และข้อกล่าวอ้างที่ว่าพวกของโจทก์ข่มขู่จะทำร้ายผู้ร้องทั้งสามเป็นเพียงข้อกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีข้อเท็จจริงประกอบให้ฟังได้เช่นนั้น ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องฉบับนี้ขอให้ประธานศาลฎีกามีคำสั่งให้โอนคดีนี้ไปยังศาลอาญาอีก โดยเพียงแต่ยืนยันว่า ผู้ร้องทั้งสามถูกฝ่ายโจทก์ข่มขู่จริง มิได้ระบุข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่จะแสดงให้เห็นว่า มีการข่มขู่จากฝ่ายโจทก์หรือหากพิจารณาพิพากษาคดีนี้ที่ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ต่อไป อาจมีเหตุร้ายเกิดแก่ผู้ร้องทั้งสามอย่างไร ส่วนข้ออ้างเพิ่มเติมจากคำร้องฉบับก่อนที่ว่า ผู้ร้องที่ 1 ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีแพ่งที่ผู้ร้องที่ 1 เป็นความกับโจทก์ และผู้ร้องที่ 1 ร้องเรียนผู้พิพากษาดังกล่าวต่อประธานองคมนตรีและคณะองคมนตรี ผู้ร้องที่ 1 เกรงว่าผู้พิพากษาอื่นที่ประจำอยู่ที่ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์อาจเกิดความไม่พอใจและมีอคติในการพิจารณาพิพากษาคดีนี้นั้น เป็นเรื่องที่ผู้ร้องที่ 1 วิตกกังวลไปเอง และกรณีดังกล่าวมิใช่เหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 ที่ประธานศาลฎีกาจะมีคำสั่งให้โอนคดีไปยังศาลอื่นได้
จึงให้ยกคำร้อง
nan
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาง อภิชยา บูรณสมภพ จำเลย - นางสาว สมใจ ตั้งวิริยะพาณิชย์ กับพวก ผู้ยื่นคำร้อง - นางสาว สมใจ ตั้งวิริยะพาณิชย์ จำเลยที่ 1 นาย วัฒนา งอกขาว จำเลยที่ 2 นางสาว ทิพย์วัลย์ จันทรโรจน์ ทนายจำเลยที่ 1
ชื่อองค์คณะ สันติ ทักราล ประธานศาลฎีกา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan