สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2540

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2540

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 46

ในคดีส่วนอาญาจำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องที่ไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาจะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46มาใช้บังคับไม่ได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารทหารไทย จำกัดสำนักงานใหญ่ ลงวันที่ 5 มีนาคม 2535 จำนวนเงิน 200,000 บาทและเช็คธนาคารสหธนาคาร จำกัด สาขาเทเวศร์ ลงวันที่ 10มีนาคม 2535 จำนวนเงิน 300,000 บาท ซึ่งจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้เงินยืมให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คทั้งสองฉบับถึงกำหนดชำระเงิน โจทก์ได้ดำเนินการเรียกเก็บเงินตามเช็คทั้งสองฉบับนั้นแล้ว แต่ปรากฏว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยจำเลยต้องชดใช้เงินจำนวน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินถึงวันฟ้องเป็นเงิน 34,375 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 534,375 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน500,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยยืมเงินโจทก์ และไม่เคยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับให้แก่โจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คทั้งสองฉบับไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลย และโจทก์ไม่เคยทวงถามจำเลย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 534,375 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 500,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงเชื่อว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับชำระหนี้เงินยืมให้แก่โจทก์ดังที่โจทก์นำสืบจริงโจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาททั้งสองฉบับโดยชอบ เมื่อธนาคารตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับเอาแก่จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคหนึ่ง, 914 และ 989 วรรคหนึ่ง ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า คดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4039/2536 ของศาลแขวงดุสิตเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน และคู่ความก็เป็นคู่ความรายเดียวกัน จึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏใสคำพิพากษาคดีส่วนอาญาดังกล่าวซึ่งฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ได้ยืมเงินโจทก์ มูลหนี้ตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับจึงไม่ใช่มูลหนี้ที่เกิดจากการชำระหนี้เงินยืมดังที่โจทก์ฟ้องและนำสืบโจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาททั้งสองฉบับโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่าในคดีส่วนอาญาดังกล่าวจำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากใช้เช็ค ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องที่ไม่เป็นสิทธิที่ไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จึงไม่ใช่เช็คคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 มาใช้บังคับไม่ได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย อภัย ระติสุนทร จำเลย - นาง วไลลักษณ์ เสงี่ยมวงศ์

ชื่อองค์คณะ สุรินทร์ นาควิเชียร ปรีชา เฉลิมวณิชย์ สละ เทศรำพรรณ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE