สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12/2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12/2522

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 83, 90 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522

จำเลยติดต่อขายเฮโรอีนให้ตำรวจ นัดเวลาและสถานที่ดูเงินที่ท้ายรถและติดตามนำเฮโรอีนไปส่งที่รถ ดังนี้ จำเลยเป็นตัวการไม่ใช่ผู้สนับสนุนการจำหน่ายเฮโรอีน

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนการมีและจำหน่ายเฮโรอีนจึงเป็นจำนวนเดียวกัน เป็นความผิดกรรมเดียวรวมทั้งการเอาตัวอย่างเฮโรอีนให้ดูอันเป็นส่วนหนึ่งของการขายเฮโรอีน

เนื้อหาฉบับเต็ม

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ, 14, 20 ทวิ, 29 ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 6, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกฐานมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนเพื่อจำหน่าย 20 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก 10 ปีลดโทษหนึ่งในสามคงจำคุก 2 กระทง 20 ปี ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นความผิดกระทงเดียวตามมาตรา 20 ทวิ ฉบับที่ 4 มาตรา 6 จำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือน โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นสายให้ตำรวจ แต่กลับฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบมาว่าจำเลยที่ 2 เป็นคนติดต่อขายเฮโรอีนให้จ่าสิบตำรวจสนุ่น ได้พาไปดูตัวอย่างเฮโรอีน นัดแนะพบปะเจรจากันตามเวลาและสถานที่ต่าง ๆ เป็นคนไปดูเงินที่ท้ายรถ และติดตามนำเฮโรอีนไปส่งให้ที่รถ ฎีกาของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าจำเลยที่ 2 เป็นแต่เพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดมิใช่ตัวการ ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยที่ 2 ติดต่อขายเฮโรอีนให้จ่าสิบตำรวจสนุ่นตั้งแต่ต้นตลอดมาจนถึงมีการตกลงซื้อขายส่งมอบเฮโรอีนให้แก่กันนั้น จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำโดยตลอด การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำในฐานะตัวการ มิใช่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำความผิดใด อันจะเป็นการสนับสนุนการกระทำความผิดดังจำเลยต่อสู้ ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ก็ฟังไม่ขึ้น

ที่โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดสองกรรม ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนหนัก 1,332.52 กรัมให้จ่าสิบตำรวจสนุ่น เฮโรอีนที่จำเลยกับพวกร่วมกันจำหน่ายนี้มีเพียงจำนวนเดียว โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันมีเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวนั้น เฮโรอีนที่จำเลยกับพวกมีไว้และจำหน่ายจึงเป็นเฮโรอีนจำนวนเดียวกันนั่นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดแต่เพียงกรรมเดียว เทียบตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2664/2520 ระหว่างพนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์นายสุพันธ์ บินซามัน จำเลย ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยกับพวกเอาตัวอย่างเฮโรอีนให้จ่าสิบตำรวจสนุ่นดูก่อนตกลงซื้อขายเป็นความผิดกรรมหนึ่งก่อนแล้วศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขายเฮโรอีนนั่นเองจึงรวมอยู่ในความผิดกรรมเดียวกัน จำเลยหามีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายอีกกรรมหนึ่งไม่ คำพิพากษาฎีกาที่ 1198/2519ที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ เพราะเฮโรอีนของกลางในคดีดังกล่าวซึ่งจำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้นมีทั้งเฮโรอีนที่จำเลยขายไปแล้ว และเฮโรอีนที่จำเลยยังไม่ได้ขาย"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - อัยการกรมอัยการ จำเลย - นายไพยูร ยอมาดาร์ กับพวก

ชื่อองค์คณะ มงคล วัลยะเพ็ชร์ สนิท อังศุสิงห์ สันติ์ ธีรนิติ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE