สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2532

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2532

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 285, 286 พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2511

ทรัพย์สินและสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285,286 เมื่อหุ้นของสหกรณ์ออมทรัพย์ผู้ร้องที่จำเลยที่ 1 ถืออยู่มิได้อยู่ในบทบัญญัติข้อยกเว้นตามกฎหมายดังกล่าวจึงต้องอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี สำหรับเงินค่าหุ้นนั้น แม้จะเป็นเงินทุนของผู้ร้องตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2511 และข้อบังคับของผู้ร้องก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ก็ยังมีสิทธิเรียกร้องเอาคืนได้ส่วนข้อบังคับของผู้ร้องเกี่ยวกับการหักหรือคืนเงินค่าหุ้นตลอดจนกำหนดว่าสมาชิกของผู้ร้องจะขาย โอน ถอนหุ้นดังกล่าวระหว่างเป็นสมาชิกไม่ได้นั้น ก็เป็นเรื่องภายในระหว่างสมาชิกผู้ร้องเอง มิใช่กฎหมายหามีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่ ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีอายัดเงินค่าหุ้นสมาชิกสหกรณ์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1ชำระเงิน 9,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 400 บาท ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ แต่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระโจทก์จึงขอให้บังคับคดีโดยขอให้อายัดสิทธิเรียกร้องเงินค่าหุ้นสมาชิกผู้ร้องของจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นออกหมายถึงผู้ร้องให้อายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 อันมีต่อผู้ร้องซึ่งจะต้องชำระเงินค่าหุ้นจำนวน 10,980 บาท หรือส่งมอบเงินค่าหุ้นแก่จำเลยที่ 1 แต่ให้ชำระหรือส่งมอบแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน15 วัน ผู้ร้องคัดค้านว่า จำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกของผู้ร้องยังไม่ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกและยังเป็นหนี้ผู้ร้องอยู่ตามข้อบังคับของผู้ร้องสมาชิกจะลาออกและถอนหุ้นได้ต่อเมื่อไม่มีข้อผูกพันอยู่ต่อผู้ร้องในฐานะผู้กู้หรือผู้ค้ำประกัน ผู้ร้องจึงไม่สามารถส่งเงินตามหมายอายัดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องได้ออกข้อบังคับไว้ตามข้อ 21และข้อ 33 ว่า สมาชิกจะขาย โอน หรือถอนหุ้นในระหว่างที่ตนเป็นสมาชิกไม่ได้ และการออกจากการเป็นสมาชิกนั้น สมาชิกจะต้องชำระหนี้สินที่มีอยู่ต่อผู้ร้องให้เสร็จสิ้นก่อน เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสมาชิกยังเป็นหนี้ผู้ร้องอยู่ถึง 13,000 บาท มากกว่าจำนวนหุ้นที่ส่งไปแล้ว จึงไม่อาจจะอายัดเงินค่าหุ้นของจำเลยที่ 1ได้ ให้เพิกถอนคำสั่งอายัดและยกคำขอของโจทก์เสีย โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีตามคำสั่งอายัดเดิมต่อไป

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่ผู้ร้องนำสืบโดยโจทก์ไม่สืบพยานว่า จำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกของผู้ร้องคิดถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2529 จำเลยที่ 1 ถือหุ้นอยู่ 1,198 หุ้นจำนวนเงิน 11,980 บาท และเป็นหนี้เงินกู้ผู้ร้องอยู่ 12,500 บาทปรากฏตามทะเบียนหุ้นและบัญชีเงินกู้ เอกสารหมาย ร.2 ตามข้อบังคับของผู้ร้องเอกสารหมาย ร.3 ข้อ 21 วรรคสุดท้ายระบุว่าสมาชิกจะขายหรือโอนหรือถอนหุ้นในระหว่างที่ตนเป็นสมาชิกอยู่ไม่ได้ จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ดังกล่าวให้ผู้ร้องเดือนละ500 บาท ผู้ร้องจะให้สมาชิกลาออกได้ต่อเมื่อไม่เป็นหนี้ผู้ร้องทั้งไม่เป็นผู้ค้ำประกันสมาชิกรายอื่น และเมื่อให้ลาออกแล้วผู้ร้องจะคืนเงินค่าหุ้นให้สมาชิกผู้นั้น

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทรัพย์สินและสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ตามคำพิพากษา จะอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีหรือไม่นั้นต้องพิจารณาตามมาตรา 285 และ 286 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง สำหรับหุ้นของผู้ร้องที่จำเลยที่ 1 ถืออยู่นั้น หาได้มีบัญญัติไว้เป็นข้อยกเว้นตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวข้างต้นไม่ จึงต้องอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ที่ผู้ร้องฎีกาว่า เงินค่าหุ้นที่จำเลยที่ 1 ซื้อจากผู้ร้องได้ตกเป็นของผู้ร้องแล้ว หาได้เป็นเงินของจำเลยที่ 1 ผู้ร้องจึงทรงสิทธิที่จะไม่มอบเงินดังกล่าวให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น เห็นว่าแม้เงินค่าหุ้นจะเป็นเงินทุนของผู้ร้องตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2511 และข้อบังคับของผู้ร้องก็ตามแต่จำเลยที่ 1 ก็ยังมีสิทธิเรียกร้องเอาคืนได้ ส่วนข้อบังคับของผู้ร้องที่ว่า สมาชิกของผู้ร้องจะขายหรือโอนหรือถอนหุ้นในระหว่างที่ตนเป็นสมาชิกไม่ได้ รวมทั้งข้อบังคับเกี่ยวกับการหักหรือการคืนเงินค่าหุ้นดังกล่าวนั้น หามีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่ เพราะข้อบังคับดังกล่าวมิใช่กฎหมาย เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจัดวางระเบียบบริหารงานภายในระหว่างสมาชิกของผู้ร้องเอง"

พิพากษายืน โจทก์ยื่นคำแก้ฎีกาเกินกำหนด จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิริยนต์วัฒ นา ผู้ร้อง - สหกรณ์ออมทรัพย์ ข้าราชการ สังกัด กระทรวงศึกษาธิการ ผู้ร้อง - สกลนคร จำกัด จำเลย - นาย ยุ ทธนารักษ์ อัคพิน กับพวก

ชื่อองค์คณะ สัมฤทธิ์ ไชยศิริ ชูเชิด รักตะบุตร์ เธียร ยูงทอง

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE