คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2518
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2518
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 60, 90
จำเลยยิง ม. 2 นัด นัดหนึ่งถูก ม. ไม่ตาย อีกนัดหนึ่งพลาดไปถูก พ. ตาย เป็นความผิดตาม มาตรา 288,60 กับ มาตรา 288,80 อีกบทหนึ่ง ลงโทษตาม มาตรา 288,60 ซึ่งเป็นบทหนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2518
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 59, 144, 148
จำเลยที่ 1 ในคดีนี้เคยเป็นโจทก์ฟ้องคณะกรรมการวัด ส.รวม 11 คน เป็นจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 และโจทก์ในคดีนี้ได้เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าวดังนั้น โจทก์และจำเลยที่ 1 ในคดีนี้จึงเป็นคู่ความเดียวกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 1 ในประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีก ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงเป็นฟ้องซ้ำ ส่วนจำเลยที่ 2 ในคดีนี้มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อนคำพิพากษาในประเด็นแห่งคดีดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 การที่โจทก์กลับมาฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้อีกจากจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2518
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1555, 1556, 1583, 1559 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55
ผู้รับบุตรบุญธรรมยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้ง บ. บุตรเขยเป็นผู้ปกครองบุตรบุญธรรมซึ่งเป็นผู้เยาว์ เมื่อผู้ร้องไม่ใช่ญาติหรือเป็นพนักงานอัยการ จึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1556
เมื่อผู้รับบุตรบุญธรรมยังไม่ได้จดทะเบียนเลิกการรับบุตรบุญธรรมหรือถูกถอนอำนาจปกครอง ทั้งมารดาผู้เยาว์ยังมีชีวิตอยู่แม้ไม่ทราบที่อยู่ไม่อาจติดต่อได้ ก็ไม่ใช่กรณีที่จะจัดให้มีผู้ปกครองผู้เยาว์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1555 เมื่อไม่อาจตั้งผู้ปกครองได้การตั้งผู้ปกครองหลายคนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1559 จึงไม่อาจทำได้
บ. ยังไม่ได้รับความยินยอมจากมารดาผู้เยาว์ ย่อมรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2518
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 203, 224
กู้เงินไม่มีกำหนดเวลาชำระคืน ผู้ให้กู้เรียกให้ชำระเงินได้โดยพลัน ไม่จำต้องบอกกล่าวก่อนฟ้อง
สัญญากู้มอบที่สวนให้ทำกินต่างดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิทำกินต่างดอกเบี้ยต่อไปตั้งแต่วันศาลพิพากษาให้จำเลยเสียดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จ ชั้นฎีกาไม่มีข้อโต้แย้งว่าโจทก์มีสิทธิทำกินต่างดอกเบี้ยต่อไปหรือไม่ จึงต้องถือตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย จำเลยต้องเสียดอกเบี้ยตั้งแต่วันพิพากษา ส่วนการทำกินต่างดอกเบี้ย เมื่อพิพากษาแล้วต่อไปไม่คืนสวน เป็นคนละเรื่องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2518
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 72
จำเลยกล่าวดูหมิ่นผู้ตายต่อหน้าบุคคลอื่นขึ้นก่อนว่าลักวัวและห้ามมิให้จำเลยลักวัวพวกจำเลยอีกการที่ผู้ตายกล่าวโต้ตอบเพื่อแก้หน้าขึ้นบ้างว่า 'มึงห้ามกูก็ไม่ฟังแต่น้องสาวมึง กูก็จะเย็ดอยู่' จึงเป็นการโต้ตอบเพื่อล้างความอาย และถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยซึ่งมีน้องสาว โกรธขึ้นมา จึงฟันผู้ตาย จึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1277/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2518
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 177
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามตั๋วแลกเงิน 4 ฉบับซึ่งจำเลยเป็นผู้รับรองโดยกล่าวในฟ้องว่า มูลค่าของตั๋วแต่ละฉบับคือมูลค่าของสินค้าซึ่งจำเลยสั่งซื้อและรับไปจากโจทก์แล้วจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่ามูลหนี้ตามตั๋วที่โจทก์ฟ้องเกิดจากสัญญาซื้อขายเหล็กเส้นที่จำเลยซื้อจากโจทก์ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงจำต้องยับยั้งการจ่ายเงินตามตั๋ว และการผิดสัญญาซึ่งเป็นมูลหนี้ของตั๋วเหล่านี้เป็นเหตุให้จำเลยเสียหายจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหาย ดังนี้ฟ้องแย้งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826 - 830/2518
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 218 ประมวลกฎหมายอาญา ม. 148, 149
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,83 ให้ลงโทษจำคุก 3 สำนวน สำนวนละ 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 4 คงให้ลงโทษจำคุกสำนวนละ 5 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2518
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 222, 587
จำเลยจ้างโจทก์ปลูกตึกแถวโดยเจ้าของที่ดินควบคุมงาน ท.สั่งให้แก้ไขรายการก่อสร้าง จำเลยเสนอเพิ่มค่าจ้างแต่โจทก์มิได้ตกลงด้วยจำเลยไม่สามารถให้โจทก์ทำตามรายการเดิม จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาโจทก์นำสืบค่าขาดกำไรไม่ได้ชัดเจนพอ ศาลกำหนดค่าขาดกำไรให้โจทก์ตามที่เห็นสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2518
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 155, 156, 174 (2)
โจทก์ยื่นฟ้องและยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลสั่งรับคำร้องนั้นและนัดไต่สวนคำร้อง ครั้นถึงวันนัดโจทก์ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ดังนี้ ศาลจะถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องและสั่งให้จำหน่ายคดีเสียย่อมไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะในชั้นนี้ศาลเพียงแต่สั่งรับคำร้องขอดำเนินคดีอนาถา และสั่งให้ไต่สวนคำร้องเท่านั้น ยังมิได้สั่งรับคำฟ้องไว้เพียงแต่ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีพยานมาให้ไต่สวนให้ได้ความว่าโจทก์เป็นคนอนาถาจริง จึงต้องยกคำร้องเสีย หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปก็กำหนดให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายในเวลาที่ศาลจะกำหนดเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2518
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 653
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ที่ว่าการกู้เงินเกินกว่า 50 บาท ถ้าไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้นั้น หมายความรวมถึงยกขึ้นต่อสู้คดีด้วย จำเลยที่ 2 มีเช็คซึ่งจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ หนังสือมอบอำนาจซึ่งโจทก์มอบให้จำเลยที่ 2 ทำการขายฝากที่ดิน กับโฉนดที่ดินของโจทก์ไม่เป็นหลักฐานที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 และบิดาโจทก์เป็นผู้กู้เงินจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงอ้างว่ามีการกู้เงินไม่ได้ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กับบิดาโจทก์ตกลงกับจำเลยที่ 2 ว่าถ้าไม่ชำระเงินกู้ให้จำเลยที่ 2 นำโฉนดของโจทก์ไปจดทะเบียนขายฝากได้ โจทก์เรียกโฉนดคืนจากจำเลยที่ 2 ได้