สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5614/2533

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5614/2533

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 296 วรรค2 พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 22

ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 เมื่อลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ลูกหนี้ย่อมหมดอำนาจที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในชั้นพิจารณาหรือชั้นบังคับคดี เนื่องจากกฎหมายบัญญัติให้อำนาจดังกล่าวตกเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว การที่จำเลยซึ่งถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์สินของตนในคดีนี้ ถือได้ว่าเป็นการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินอย่างหนึ่งตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 22(3) จำเลยหามีอำนาจที่จะร้องคัดค้านการขายทอดตลาดเข้ามาด้วยตนเองไม่.

เนื้อหาฉบับเต็ม

กรณีสืบเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ที่ 3 เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จากตามคำพิพากษาตามยอม ต่อมา เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2530 ศาลแพ่งธนบุรีได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 3 เด็ดขาดครั้นวันที่ 17กุมภาพันธ์ 2531 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 ให้โจทก์ จำเลยที่ 3จึงยื่นคำร้องลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2531 ว่า การขายทอดตลาดครั้งนี้เป็นไปโดยมิชอบ ขอให้ขายทอดตลาดทรัพย์สินรายนี้ใหม่

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อจำเลยที่ 3 ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ย่อมไม่มีสิทธิที่จะจัดการทรัพย์สินของตน เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเข้าดำเนินการแทนจึงให้ยกคำร้อง

จำเลยที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีคงมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 3 เพียงข้อเดียวว่า เมื่อจำเลยที่ 3 ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วจำเลยที่ 3 จะมีอำนาจร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 ในคดีนี้หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 บัญญัติว่า "เมื่อศาลพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจดังต่อไปนี้

(1) จัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ที่ค้างอยู่เสร็จสิ้นไป

(2) เก็บรวบรวมและรับเงิน หรือทรัพย์สินที่จะตกได้แก่ลูกหนี้หรือซึ่งลูกหนี้มีสิทธิจะได้รับจากผู้อื่น

(3) ประนีประนอมยอมความ หรือฟ้องร้อง หรือต่อสู้คดีใด ๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้

จากบทกฎหมายดังกล่าวเห็นได้ว่า เมื่อลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ลูกหนี้ย่อมหมดอำนาจที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในชั้นพิจารณาหรือชั้นบังคับคดี เนื่องจากกฎหมายบัญญัติให้อำนาจดังกล่าวตกเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว การที่จำเลยที่ 3 ร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์สินของตนในคดีนี้ถือได้ว่าเป็นการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินอย่างหนึ่งตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 22(3) ซึ่งตกเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวแล้ว จำเลยที่ 3 หามีอำนาจที่จะร้องคัดค้านการขายทอดตลาดเข้ามาด้วยตนเองไม่

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด จำเลย - บริษัท สห สยาม พัฒนา จำกัด กับพวก

ชื่อองค์คณะ เพ็ง เพ็งนิติ เสริมพงศ์ วรยิ่งยง อุระ หวังอ้อมกลาง

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE