สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5542/2533

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5542/2533

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1312 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 249

การที่จำเลยสร้างรั้วกำแพงรุกล้ำที่ดินของโจทก์นั้น มิใช่เป็นการปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1312 จำเลยต้องรื้อถอนออกไป ที่จำเลยฎีกาว่า สิ่งปลูกสร้างคดีนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับโรงเรือนเพราะปลูกสร้างแน่นหนามั่นคงติดกับที่ดิน และพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้าง พ.ศ. 2497 ให้ถือว่ากำแพงเป็นอาคารด้วยนั้นจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในประเด็นข้อนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ทั้งห้าฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 4917 พร้อมบ้านเลขที่ 116 โจทก์ที่ 3 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 14193 พร้อมบ้านเลขที่ 116/1 โจทก์ที่ 4 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 14192 พร้อมบ้านเลขที่ 116/2 และโจทก์ที่ 5 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 14091 และ 14190 พร้อมบ้านเลขที่ 116/3 และ116/4 ซึ่งตั้งอยู่ที่ตรอกหน้าวัดหัวลำโพง แขวงสี่พระยาเขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ที่ดินของโจทก์ทั้งห้าดังกล่าวมีอาณาเขตติดต่อกันและบ้านก็เป็นตึกแถวติดต่อกัน จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 4778 อยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ทั้งห้าทางด้านทิศตะวันตก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2527 จำเลยก่อสร้างกำแพงคอนกรีตตามแนวเขตที่ติดต่อกันนั้นรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งห้าประมาณ 10เซนติเมตร ตลอดแนว โดยไม่นำพาต่อการทักท้วงของโจทก์ทั้งห้าโจทก์ทั้งห้าแจ้งให้แก้ไขให้ถูกต้อง จำเลยก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมาขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนกำแพงคอนกรีตที่รุกล้ำ มิฉะนั้นให้โจทก์ทั้งห้ารื้อถอนได้เองโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งห้ามิใช่เจ้าของที่ดิน จำเลยสร้างรั้วคอนกรีตตามแนวเขตที่ดิน และแนวกำแพงตึกแถวเลขที่116-116/4 ซึ่งมีอยู่ก่อน มิได้รุกล้ำแนวเขต ถ้าจะรุกล้ำก็ไม่ถึง10 เซนติเมตร อย่างไรก็ตาม จำเลยสร้างขึ้นโดยสุจริต โจทก์ทั้งห้าไม่เคยโต้แย้งหรือแจ้งให้แก้ไข ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อกำแพงที่สร้างรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งห้าออกไปพ้นแนวเส้นตรงระหว่างกึ่งกลางหลักหมุดเสาหินเลขที่ พ.1219 (ตามภาพถ่ายหมาย จ.7 ภาพ ข.) และหลักหมุดข.ท.ด. 06889 (ตามภาพถ่ายหมาย จ.44) มิฉะนั้นให้โจทก์รื้อถอนได้เองโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ว่าถ้าจำเลยไม่รื้อถอนให้โจทก์รื้อถอนโดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยสร้างรั้วและกำแพงรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์จริง และโดยไม่สุจริตทั้งกรณีรั้วกำแพงที่จำเลยสร้างรุกล้ำก็มิใช่เป็นการปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า สิ่งปลูกสร้างคดีนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับโรงเรือนเพาะปลูกสร้างแน่นหนามั่นคงติดกับที่ดิน และพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 ให้ถือว่ากำแพงเป็นอาคารด้วยนั้นจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในข้อนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนรั้วพิพาทให้พ้นแนวเขตที่ดินของโจทก์ทั้งห้านั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย อร่าม รัตน์ ธนาสว่างกุล กับพวก จำเลย - นาง อุไร วิทยกุล

ชื่อองค์คณะ อุไร คังคะเกตุ ไมตรี กลั่นนุรักษ์ สุวิทย์ ธีรพงษ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE