สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5425/2533

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5425/2533

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 350, 572 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55, 245, 247

ในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ จำเลยที่ 1อาจโอนสิทธิในทรัพย์ที่เช่าซื้อให้แก่ผู้อื่นได้ แต่จำเลยที่ 1ยังมีหน้าที่ต้องชำระราคาค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์อยู่หาพ้นความรับผิดไม่ เว้นแต่จะได้มีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 การที่บริษัทส. ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์เปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาเช่าซื้อ กับให้จำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์คำร้องขอเช่าซื้อรถยนต์และสัญญาเช่าซื้อเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทำสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยร่วม สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1ยังไม่ระงับและมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 จำเลยร่วมมิได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยร่วม อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยร่วมมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเป็นคุณแก่จำเลยร่วมได้.

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2524 จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กระบะจากโจทก์ในราคา 131,840 บาท มีจำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาเช่าซื้อโดยจำเลยที่ 1 ได้นำหรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้รถยนต์ดังกล่าวชนไม้หวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาตและชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ไม่ครบ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ตามฟ้องคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากไม่สามารถคืนได้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ราคารถยนต์เป็นเงิน 85,205 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ได้โอนการเช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าวโดยทำหนังสือกับพลตำรวจชาญณรงค์ สิทธิสม ผู้รับโอนไปโดยตัวแทนโจทก์ได้รับรู้และยินยอมและมอบรถยนต์ดังกล่าวให้ผู้รับโอนไปด้วย จำเลยที่ 1 จึงหลุดพ้นจากการเป็นลูกหนี้โจทก์จำเลยที่ 1 ไม่เคยนำหรืออนุญาตให้ใช้รถยนต์ดังกล่าวในการกระทำผิดและเหตุเกิดระหว่างผู้รับโอนครอบครองรถยนต์ดังกล่าว และจำเลยที่ 1ไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้แก่โจทก์และมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา และไม่มีหน้าที่จะต้องส่งมอบรถยนต์คืนแก่โจทก์หรือชดใช้ราคา ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 1 ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นหมายเรียกพลตำรวจชาญณรงค์ สิทธิสม เข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต

จำเลยร่วมให้การว่า เมื่อจำเลยร่วมรับโอนรถยนต์ดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 โดยตัวแทนโจทก์ยินยอมแล้ว จำเลยร่วมได้ขายรถยนต์ดังกล่าวให้แก่นายมานพ สรรพช่าง ไปตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2525หลังจากนั้นนายมานพนำรถยนต์ดังกล่าวไปชนไม้หวงห้าม เจ้าพนักงานตำรวจได้ยึดรถยนต์ดังกล่าว จำเลยร่วมไม่ต้องรับผิด หากจำเลยร่วมจะต้องรับผิดต่อโจทก์ก็เพียงผ่อนชำระเดือนละ 3,440 บาท มิใช่ชำระทั้งหมดหรือคืนรถและค่าเสียหาย ขอให้พิพากษาให้จำเลยร่วมผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ 3,440 บาท

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยร่วมส่งมอบรถพิพาทคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ถ้าส่งไม่ได้ให้ใช้ราคา 85,205 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันส่งมอบรถพิพาทคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากคืนไม่ได้ให้ร่วมกันใช้ราคา 85,205 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์ประกอบกิจการค้ารถยนต์ทุกประเภท ในการดำเนินกิจการดังกล่าวโจทก์มอบอำนาจให้บริษัทธุรกิจยานยนต์และแทรกเตอร์ จำกัดดำเนินการแทน จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถพิพาทไปจากโจทก์มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน สัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวตลอดทั้งการชำระค่าเช่าซื้อกระผ่านบริษัทสุทธการ จำกัดจำเลยที่ 1 ได้ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ 11 งวด เป็นเงิน37,840 บาท และชำระเงินจำนวน 795 บาท ในงวดที่ 12 ให้แก่โจทก์ด้วย ค่างวดเมื่อเดือนมกราคม 2525 จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมได้แสดงความจำนงต่อบริษัทสุทธการ จำกัด ว่าจำเลยร่วมจะเป็นผู้เช่าซื้อรถพิพาทต่อจากจำเลยที่ 1 บริษัทสุทธการ จำกัด ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์รายการเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาเช่าซื้อของโจทก์ ให้จำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์คำร้องขอเช่าซื้อรถยนต์และสัญญาเช่าซื้อของโจทก์ตามเอกสารหมาย ล.1 มอบให้บริษัทสุทธการ จำกัด ไว้

ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1ระงับไปเพราะเหตุจำเลยที่ 1 ได้โอนสิทธิการเช่าซื้อรถพิพาทให้แก่จำเลยร่วมแล้วนั้น เห็นว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาต่างตอบแทน ในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ ทรัพย์ที่เช่าซื้อตามสัญญายังเป็นของโจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะเรียกร้องให้โจทก์โอนทรัพย์ที่เช่าซื้อตามสัญญาได้ จำเลยที่ 1 อาจโอนสิทธิในทรัพย์ที่เช่าซื้อให้แก่ผู้อื่นก็กระทำได้ แต่จำเลยที่ 1 ยังมีหน้าที่ต้องชำระราคาค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์อยู่ หาพ้นความรับผิดไม่เว้นแต่จะได้มีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 คดีนี้ได้ความว่าบริษัทสุทธการ จำกัด ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์เปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาเช่าซื้อและให้จำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์คำร้องขอเช่าซื้อรถยนต์และสัญญาเช่าซื้อตามเอกสารหมาย ล.1เท่านั้น กรณีถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทำสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยร่วมสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ยังไม่ระงับและมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 อยู่ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วม ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้น ไม่ชอบ เพราะจำเลยร่วมมิได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยร่วม อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยร่วมมิได้อุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยร่วมได้

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยร่วม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท ทรูเวย์ เครดิต จำกัด จำเลย - จ่าสิบตำรวจ เกษม ปา ละ ใจ กับพวก จำเลย - จำเลยร่วม จำเลย - พลตำรวจ ชาญณรงค์ สิทธิ สม

ชื่อองค์คณะ บุญส่ง วรรณกลาง วิทวัส อยู่วัฒนา ตัน เวทไว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE